พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์
ข่าวสารกิจกรรม
ความคืบหน้าโครงการ
ธรรมะหลวงตาพระมหาบัว 
“ถึงไม่ได้รู้ได้เห็นก็ตาม
การภาวนาก็มีอานิสงส์มาก
ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ”
แม้แต่ภายนอกสติก็สำคัญอยู่ วันไหนเราคิดมาก คิดเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวาย แม้แต่เขียนหนังสือก็ไม่เป็นตนเป็นตัว
เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียน เพราะสติไม่อยู่ จิตก็เร่ร่อน เขียนก็สักแต่ว่าเขียนไป ถ้าสติจ่อนี้อะไรก็เป็นการเป็นงานไปหมด
ท่านว่า พละ ๕ คือกำลัง พละ ๕ หรืออินทรีย์ ๕ ความเป็นใหญ่ ๕ ประการ
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เรียกว่า พละ ๕ หรืออินทรีย์ ๕
อินทรีย์ แปลว่าความเป็นใหญ่ เป็นใหญ่ในตัวเองๆ เช่น ตาเป็นใหญ่ในตา หูเป็นใหญ่ทางเสียง
เป็นใหญ่ไปคนละทางๆ แล้วธรรมเหล่านี้เป็นใหญ่ทั้งนั้นๆ รวมกันแล้วเป็นพลังอันสำคัญมาก
ศรัทธาความเชื่อมั่นนี่สำคัญ จากนั้นความเพียรก็ก้าว สตินี่ควบคุมไปเรื่อยๆ จิตก็สงบ นั่น
จากสงบก็พาก้าวออกทางด้านปัญญา เพื่อความหลุดพ้น พ้นได้ไปเลย นั่น
จึงเรียกว่าอินทรีย์ ๕ หรือพละ ๕ ธรรมนี้เป็นกำลัง มี ๕ ประการ
อะไรที่เลอะๆ เทอะๆ ภายนอกมันออกไปจากใจนี้แหละ ให้พาเลอะๆ เทอะๆ
ถ้าใจมีหลักมีเกณฑ์มีสติปัญญา มีความละเอียดลออรอบคอบต่อตนเองอยู่เสมอ
กิริยาภายนอกจะสวยงามเป็นลำดับลำดาไป ไม่ว่าส่วนหยาบ ส่วนละเอียด ไม่ว่าหนักว่าเบา
จะเป็นความน่าดูน่าชมไปตามๆ กันนะ ถ้าเสียใจเสียอย่างเดียว ใจไม่มีความรอบคอบ
ใจไม่มีสติไม่มีปัญญาเสียอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งอื่นก็เลอะๆ เทอะๆ ไปหมด หลักของพุทธศาสนาอยู่ที่ใจ
ขอให้ท่านทั้งหลายจับตรงที่ใจให้ดี ใจนี้เป็นบ่อแห่งการแห่งงานทั้งหลายฝ่ายดีฝ่ายชั่ว จะออกจากใจ
นี่เรามาอบรมเพื่อความดีงามในธรรมทั้งหลาย จึงต้องดูใจเพื่อความรอบคอบและดีงามในตัวของเราเอง
การภาวนาเป็นการฝึกบารมีของตัวเอง เปิดขึ้นในทางด้านจิตตภาวนา
ภาวนาเป็นเหมือนกับทำนบใหญ่ ฝนตกมาจากที่ไหนแม่น้ำลำคลองไหลมาไหนลงทำนบใหญ่
จากนั้นก็ลงมหาสมุทร บารมีของเราทั้งหลายเหมือนกับแม่น้ำลำคลองไหลมาจากที่ต่างๆ
สุดท้ายก็มาลงจิตตภาวนา ลงที่นี่ ลงสุดท้ายลงนี้หมดถึงวิมุตติพระนิพพาน มหาวิมุตติมหานิพพาน
สายบารมีไหลมาที่ต่างๆ ที่เราสร้างทั้งหมดเหมือนแม่น้ำไหลลงมาสู่ทำนบใหญ่ ทำนบใหญ่คือจิตตภาวนา
เวลาจะลงจริงๆ มาลงทำนบใหญ่หมด จิตตภาวนารวมเข้าๆ จะมาเด่นวาสนาบารมีของตัวเองที่จิตตภาวนา
เช่นเดียวกันกับเราสร้างเขื่อนไว้แล้ว ทำนบใหญ่ไว้แล้ว ฝนตกที่ไหนๆ มันก็ไหลมา ยังไม่ชัดเจน
พอเข้าถึงทำนบใหญ่นี้จ้าขึ้นเลย น้ำที่ไหนมาอยู่ที่นั้นหมด บารมีของเราที่สร้างมามากน้อยมันก็ค่อยไหลเข้ามาๆ
เข้าสู่จิตตภาวนาแล้วจ้าอยู่ตรงนั้น จิตตภาวนาจึงเป็นทำนบใหญ่ เป็นที่รวมแห่งมรรคผลนิพพาน
“อุบายวิธีที่จะสนับสนุนให้มีสติต่อเนื่อง”
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐
การภาวนาเป็นการฝึกบารมีของตัวเอง เปิดขึ้นในทางด้านจิตตภาวนา
ภาวนาเป็นเหมือนกับทำนบใหญ่ ฝนตกมาจากที่ไหนแม่น้ำลำคลองไหลมาไหนลงทำนบใหญ่
จากนั้นก็ลงมหาสมุทร บารมีของเราทั้งหลายเหมือนกับแม่น้ำลำคลองไหลมาจากที่ต่างๆ
สุดท้ายก็มาลงจิตตภาวนา ลงที่นี่ ลงสุดท้ายลงนี้หมดถึงวิมุตติพระนิพพาน มหาวิมุตติมหานิพพาน
สายบารมีไหลมาที่ต่างๆ ที่เราสร้างทั้งหมดเหมือนแม่น้ำไหลลงมาสู่ทำนบใหญ่ ทำนบใหญ่คือจิตตภาวนา
เวลาจะลงจริงๆ มาลงทำนบใหญ่หมด จิตตภาวนารวมเข้าๆ จะมาเด่นวาสนาบารมีของตัวเองที่จิตตภาวนา
เช่นเดียวกันกับเราสร้างเขื่อนไว้แล้ว ทำนบใหญ่ไว้แล้ว ฝนตกที่ไหนๆ มันก็ไหลมา ยังไม่ชัดเจน
พอเข้าถึงทำนบใหญ่นี้จ้าขึ้นเลย น้ำที่ไหนมาอยู่ที่นั้นหมด บารมีของเราที่สร้างมามากน้อยมันก็ค่อยไหลเข้ามาๆ
เข้าสู่จิตตภาวนาแล้วจ้าอยู่ตรงนั้น จิตตภาวนาจึงเป็นทำนบใหญ่ เป็นที่รวมแห่งมรรคผลนิพพาน
“อุบายวิธีที่จะสนับสนุนให้มีสติต่อเนื่อง”
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐
กิเลสทุกประเภทยอมสติทั้งนั้น ไม่มีตัวไหนจะเล็ดลอดออกมาต่อสู้สติให้ล้มเหลวไปได้
นอกจากเราไม่ตั้งใจเท่านั้นเป็นไปได้นะ ถ้าทำด้วยความตั้งใจสติดีเท่าไรกิเลสจะหนาขนาดไหนขึ้นไม่ได้
เราทำมาแล้วนะไม่ใช่ธรรมดา ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไม่ยอมให้เผลอเลย ขณะเดียวก็ไม่ให้มี
นี่ละการควบคุมด้วยสติ กิเลสทั้งหลายขึ้นไม่ได้ๆ ต่อไปความสงบก็ขึ้นแทนๆ สงบนี้ก้าวเดินได้เลย
นั่น นี่ละการตั้งสติด้วยความพากเพียร อย่าเห็นว่าสติไม่สำคัญนะ สติสำคัญมาก
แม้ที่สุดหน้าที่การงานอะไรถ้ามีสติอยู่ไม่ค่อยผิดพลาดนะ ถ้าเผลอสติเมื่อไรผิดได้
เขียนหนังสือก็ผิดอย่าว่าอย่างอื่นเลย เขียนๆ ลบๆ อยู่นั้น ถ้าสติดีแล้วไม่ผิดพลาด พากันตั้งใจนะ
ถ้าธรรมะนี้ ถึงจะตัวเท่าหนูก็ตาม ธรรมะอยู่ภายในใจ ใจไม่ใช่หนู
ธรรมะไม่ใช่หนู กระจายออกไปนี้จ้าไปหมด เย็น อยู่คนเดียวทั้งวันก็เพลิน เพลินอยู่ในนี้
ไม่ได้ดูดิน ฟ้า อากาศ มืด แจ้ง อะไรละ มันหากเป็นอยู่ภายในจิต นี่ละธรรมกับใจ
ความดีกับใจติดกันแนบสนิท เย็นตลอด เช่นเดียวกับคนที่มีความชั่วติดหัวใจ อยู่ไหนร้อนเป็นไฟ
อยู่คนเดียวก็ร้อน ไปหาเพื่อนหาฝูงก็ร้อน ระบายออกไปสู่กันฟังก็เผาไหม้กันไป
ร้อนตาม ๆ กันไป เรื่องของกิเลสคือไฟ เรื่องของธรรมคือน้ำดับไฟ
เรื่องสติเป็นสำคัญ ใครไม่เผลอสติ กิเลสจะไม่เกิด เผลอเมื่อไรกิเลสเกิดเมื่อนั้นๆ
สติเป็นสำคัญมาก ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ภัยมหาภัยอยู่ที่หัวใจ อย่าไปคิดว่าภัยอยู่ที่นั่นที่นี่
ภัยอยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก โลกร้อนมากคือภัยได้แก่ไฟอยู่ภายในใจนั่น มันอยู่ภายในๆ ไม่มีใครดู
มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว จากนั้นก็พระสาวกดูไฟ ดับไฟได้หมดท่านเหล่านี้
มีพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ดับไฟได้หมด ไฟกับทุกข์มาด้วยกัน
ไม่มีตลอดไปเลย ดับกันได้ที่นี่ด้วยสติเป็นพื้นฐานสำคัญมาก
“ชนะอะไรก็เคยชนะมาแล้ว แต่ชนะตัวเอง คือชนะกิเลสของตัวเอง ยังไม่เคยเลย
เอ้า เอาให้ชนะให้ได้เป็นพักๆ ไป จนกระทั่งชนะไปโดยสิ้นเชิงไม่มีสิ่งใดเหลือนั่นแหละ
การเอาชนะอะไรหรือผู้อื่นใดคูณด้วยล้าน ยังไม่จัดว่าชนะเลิศประเสริฐเหมือนชนะกิเลสของตนคนเดียว
การชนะกิเลสภายในใจของตนเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้นั้นแลเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก”
“ใครเขาจะทำมากน้อยเพียงไร
ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เราไม่ถอยสิ
เรื่องทำบุญเราทำความดีเพื่อตัวเราเอง”
“คนสร้างบาปสร้างกรรมมากๆ
ดีดลงเลย ถ้าคนสร้างบุญ
สร้างกุศลมากๆ ดีดขึ้น
ให้จำเอาไว้”
“อย่าพากันเพลิดเพลิน ไม่รู้เนื้อรู้ตัวไม่ได้นะ ต้องระวัง
เราเป็นผู้ประกันตัวของเราเอง รักษาตัวของเราเอง พึ่งตัวเอง
ให้ระมัดระวังการกระทำของเรา อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ดี
เป็นการทำลายตัวเอง”
“หน้าที่การงานสมบัติเงินทอง อะไรมากมายนั้น
ทิ้งเกลื่อนอยู่ในโลกอันนี้ ไม่ไปกับเรา ส่วนไปกับเรามีแต่บุญ
ให้พยายามสั่งสมบุญเสียตอนนี้ อย่าพากันประมาท”
“เขาเตือนเรา อย่าไปโกรธให้เขา
ให้กลับมาเตือนเจ้าของ
นั่นเรียกว่าธรรม”
“อย่าทำความคาดหมายว่ากลัวลำบากหรือรำคาญ
หรือละเอียดบริสุทธิ์ไปก่อนความเป็นเองของจิต
สุข ทุกข์ เศร้าหมอง ผ่องใส เป็นต้น
ที่เกิดขึ้นให้ถือว่าเป็นธรรม เครื่องเตือนสติปัญญา”
“เขาไม่พลัดพราก เราก็พลัดพราก
เขาไม่จาก เราก็จาก
เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความจาก
ความพลัดพรากกันอยู่แล้วโดยหลักธรรมชาติ”
“ปริยัติ เปรียบดังแบบแปลนสร้างบ้าน
ปฏิบัติ เปรียบดังการลงมือสร้างบ้าน
ปฏิเวธ เปรียบดังการเข้าไปอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว”
“การทำบาปไม่ว่าที่แจ้งที่ลับ มันเป็นบาปเสมอกันหมด
ทำที่แจ้งก็เป็นบาป ทำที่ลับก็เป็นบาป
เพราะเราเป็นผู้ทำเอง บาปเป็นของเราเอง
ไม่ได้อยู่ในที่แจ้งที่ลับ”
“จำไว้นะ! ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขา
กรรมมันอยู่ที่เขา ไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา
ไม่ต้องเอามันมาใส่ใจ”
“คนสร้างบาปสร้างกรรมมากๆ
ดีดลงเลย ถ้าคนสร้างบุญ
สร้างกุศลมากๆ ดีดขึ้น
ให้จำเอาไว้”
“ใครเขาจะทำ มากน้อยเพียงไร
ไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เราไม่ถอยสิ
เรื่องทำบุญ เราทำความดี
เพื่อตัวเราเอง”
